 |
คาซิโอ้ ออกกล่องดิจิตอลคอมแพ็กอีกครั้ง มาด้วยฟีเจอร์ที่น่าสนใจ พร้อมความละเอียดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล... Casio EX-FS10 ถ่ายภาพได้ทุกสภาวะแสง ตั้งแต่ ISO 200 ขึ้นไป พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว และยังสามารถถ่ายวีดีโอภาพเคลื่อนไหวได้ละเอียดสุดๆ แสดงผลได้มากถึง 720p จุดที่น่าสนใจคือโหมดถ่ายภาพแบบสโลโมชั่นที่ทำได้ถึง 1000 fps เก็บรายละเอียดได้ทุกการเคลื่อนไหวเลยทีเดียว อีกทั้งตัวเครื่องยังแบนบางพกพาได้สะดวก เป็นกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่นครับ
เต็มทั้งบอดี้ ทั้งเซ็นเซอร์ (24.5MP เมื่อเทียบกับ D3 ที่มี 12.1MP) และราคา (เฉพาะ บอดี้ ราคา 270,000 บาท) ทำให้ D3x เป็นกล้องระดับโปรชั้นเฮฟวี่เวทในทุกด้าน แต่ความเห็นที่มี ต่อกล้องตัวนี้ก็หลากหลาย ข้อเปรียบเทียบที่พุ่งไปยังกล้องรุ่นใหญ่ของ Canon อย่าง EOS 1D Mark III ความละเอียด 21.1MP ที่เป็นเซ็นเซอร์แบบเต็มเฟรมเช่นกันก็คือเรื่องของราคา D3x นั้นเปิดตัวด้วยราคา ที่เรียกว่าโปรบางคนยังต้องคิดหลายตลบ
ช่างภาพที่เน้นงานสตูดิโอและงานทัศนียภาพเป็นหลักย่อมยินดีกับการมี เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ซึ่งทำให้การขยายภาพนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ช่างภาพที่เน้นงานทัศนียภาพอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติบางอย่าง เช่น Built-in drive เท่าใดนัก และก็อาจจะ รอดู D700x ที่กำลังได้รับคำร่ำลืออยู่ในขณะนี้ แต่แน่นอนว่าทันทีที่คุณจับกล้องตัวนี้ขึ้นมาถือ มันจะสร้างความมั่นใจให้กับคุณอย่างรู้สึกได้ เราจะทำการทดสอบแบบเจาะลึกในเรื่องคุณสมบัติของมันในคราวต่อไป แต่ต่อไปนี้คือความรู้สึกแรกของเรา...
คำตัดสินเมื่อแรกเห็นของ Ed…
Ed Godden บรรณาธิการด้านเทคนิคของเราได้ลองสัมผัสกับ D3x อยู่ครู่หนึ่ง
“Nikon ได้สานต่อเรื่องความแข็งแกร่งและการใช้งานที่เรียบง่ายต่อจาก D3 และเพิ่มความละเอียดของภาพเข้าไปถึง 24.5 ล้านพิกเซลโดยที่ยังคงไว้ซึ่งรูปลักษณ์และการใช้งานดังเดิม ช่างภาพบางคนอาจจะบ่นว่า Nikon ไม่ได้ปรับปรุงอะไรมากมาย แต่ผมไม่รู้สึกอย่างนั้น การใช้งานที่ง่ายดายเช่นเดิมของมันทำให้ผมไม่ต้องกังวลกับการเรียนรู้ คุณสมบัติใหม่ๆ และทำให้ผมสามารถเอาเวลาไปใช้กับการสร้างสรรค์ภาพที่ผมต้องการได้มากกว่า”
“เสียงลั่นชัตเตอร์อันคุ้นหูของกล้อง Nikon ระดับโปรแต่ละรุ่นนั้นสร้างความมั่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน และความรู้สึกที่ได้จากการ ใช้งานก็สมบูรณ์แบบ แต่คุณจะไม่รู้ซึ้งถึงสมรรถนะอันยอดเยี่ยมเหนือธรรมดา ของ D3x จนกว่าคุณจะนำภาพที่ถ่ายนั้นไปเปิดดู ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อรวมเอาความละเอียดที่สูงมากเข้ากับระบบ High D-Lighting ตัวใหม่ที่ช่วยเพิ่มรายละเอียดให้กับบริเวณที่เป็นเงาแล้ว ภาพที่ออกมาจัดว่าน่าประทับใจมาก ผมตั้งค่าไวท์บาลานซ์ไว้ที่ออโต้ และแม้จะเป็นการมองผ่านหน้าจอ LCD ขนาด 3 นิ้ว ผมก็ยังเห็นได้ถึงความคมชัดและสีสันอันงดงามที่ D3x สามารถเก็บและถ่ายทอดออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ”
“สิ่งที่มีเหมือน D3 ตัวเก่าก็คือช่องใส่การ์ด Compact Flash 2 ช่อง ส่วนความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องนั้นลดลงจาก 9fps เหลือ 5fps แต่ตอนที่ผมใช้งานในสตูดิโอ ผมก็ต้องรอ 3-5 วินาทีให้ไฟสตูดิโอชาร์จในแต่ละรอบอยู่ดี ผมจึงไม่ติดใจกับประเด็นนี้นัก ความเร็วในการถ่ายต่อเนื่องที่ลดลงนั้นถูกชดเชยด้วยรายละเอียดและคุณภาพของ ภาพ ที่เหนือชั้นกว่าเดิม”
เปรียบเทียบคุณสมบัติหลัก
D3
12.1MP เซ็นเซอร์แบบ CMOS FX ช่วง ISO 200-6400 (ขยายได้ถึง 100 ถึง 25600) ถ่ายต่อเนื่องได้ 9fps ที่ความละเอียดสูงสุด
D3x
24.5MP เซ็นเซอร์แบบ CMOS FX ช่วง ISO 100-1600 (ขยายได้ถึง 50 ถึง 6400) ถ่ายต่อเนื่องได้ 5fps ที่ความละเอียดสูงสุด
ช่วงหน้าร้อนอย่างนี้ คงไม่มีอะไรที่สนุกไปกว่าการได้ไปเที่ยวทะเล ดำน้ำดูประการัง และเหล่าฝูงปลาน้อยใหญ่ หลายครั้งที่เราได้เห็นธรรมชาติใต้ทะเลแล้วรู้สึกอยากเก็บภาพเหล่านั้นไว้ ชื่นชม ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเลยสำหรับวันนี้ หากคุณต้องการจะเก็บภาพความประทับใจในรูปแบบของวิดีโอด้วยตัวคุณเอง
สำหรับ พระเอกของเราก็คือ กล้องวิดีโอไฮเดฟินิชั่น Sony HDR-CX100 รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งตัวกล้องได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กกระทัดรัด และมีน้ำหนักเบาแค่ 280 กรัมเท่านั้น เรียกได้ว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวทุกรูปแบบของวัยรุ่นหนุ่มสาวได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นขึ้นเขา ลงห้วย หรือแม้แต่ใส่เฮาส์ซิ่ง เพื่อนำไปถ่ายภาพใต้ท้องทะเล
Sony HDR-CX100 จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ CMOS ความละเอียด 2.36 ล้านพิกเซล ออปติคัลซูม 10 เท่าด้วยเลนส์ Carl Zeiss ส่วนความสามารถในการซูมดิจิตอลได้สูงถึง 120 เท่า ระยะโฟกัส 1.8-2.2 ม.ม. สามารถถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียด 4 ล้านพิกเซล พร้อมเทคโลยี Face Detection ที่จับภาพใบหน้าที่ยิ้มของคุณได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ตัวกล้อง ยังมาพร้อมกับจอ LCD ระบบสัมผัสขนาด 2.7 นิ้ว สามารถตั้งไวท์บาลานส์ได้ทั้งออโต้และแมนนวล ไมโครโฟนในตัว อินเตอร์เฟซในการถ่ายโอนข้อมูล USB ความเร็วสูง และอินเตอร์เฟซ mini HDMI อีกด้วย
Sony Cyber-Shot T900 กล้องตัวบางที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Full HD เพียงปลายนิ้วสัมผัส
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว Techxcite เพื่อน ๆ หลายท่านคงเคยได้อ่านบทความของกล้องไปแล้วบ้าง วันนี้ผมก็มีกล้องตัวเล็ก ที่เขาบอกว่าบางที่สุดไม่ถึง 2 ซม. มาให้เพื่อน ๆได้ดูได้ชมกัน แน่นอนครับ เจ้ากล้องตัวนี้ มาด้วยเทคโนโลยี HD (High Defination) ดีไซด์บางและระบบที่นสมัยนี้ คงหนีไม่พ้น กล้องจากค่าย Sony รุ่น T900 ที่การควบคุมผ่านหน้าจอด้วยระบบสัมผัสทั้งหมด ด้วยความละเอียดของภาพถึง 12 Mega Pixels เรามาดูกันครับว่ารูปร่างหน้าตาของ Cyber-Shot T900 ตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง
Body&Design
Sony Cyber-Shot T900 ตัวกล้องถูกออกแบบมาอย่างแข็งแรง ในส่วนด้านหน้าตัวกล้องถูกดีไซด์เป็นแบบ สไลด์เปิดเลนส์เวลาใช้งาน นอกจากตัวเครื่องที่ทาง Sony ผลิตออกมาได้เป็นอย่างดีแล้ว คุณภาพของภาพในระบบ Full HD สิ่งที่ขาดไปเสียไม่ได้คือตัวเลนส์ โดย T900 นี้ได้ใช้เลนส์จาก Carl Zeiss เลนส์คุณภาพระดับโลก ทำให้ภาพสมจริง
ด้านหลังเป็นหน้าจอแบบเต็ม ๆ 3.5 นิ้ว อย่าเพิ่งสงสัยครับว่าทำไม มันไม่มีรปุ่มควบคุมกล้องเลย เพราะการทำงานของกล้องทั้งหมดนั้น ควบคุมด้วยระบบสัมผัส ดั้งนั้นการเข้าเมนู และ การใช้ Mode ต่าง ๆ จะใช้การควบคุมผ่านหน้าจอเป็นหลัก เมื่อถูกออกแบบมาให้จอใหญ่ ถึง 3.5 นิ้ว ทำให้การเปิดดูภาพผ่านตัวกล้องนั้นทำให้เรามองเห็นรายละเอียดของภาพได้อย่าง ชัดเจน
มุมด้านบนของตัวเครื่องจะประกอบด้วยปุ่ม เปิด/ปิด(On/Off) ปุ่ทขควบคุมการซูม W(ระยะกว้าง)/ T(ระยะไกล) รวมถึงปุ่มชั่ตเตอร์จะอยู่ในจุดเดียวกับ ช่วงปรับระยะนั่นเอง บริเวณของ Mode การแสดงภาพจะออยู่เป็นปุ่มด้านข้าง และ จะมีสวิตช์สำหรับเปลี่ยน Mode ภาพนิ่งและวีดีโอ โดยจะอยู๋ด้านหลังของส่วน ปุ่มเปิดปิดตัวเครื่อง
ในส่วนของด้านล่างของตัวเครื่อง T900 จะเป็นส่วนของช่องใส่แบตเตอร์รี่ , หน่วยความจำนอก (Memory Card) และสำรหรับเชื่อมต่อกับตัวเชื่อมสัญญาณ
ในส่วนของแบตเตอร์รี่ที่ใช้นั้นจะเป็นแบบ Li-ion และในส่วนของช่องเก็บแบตเตอร์รี่นั้นยังเก็บใสของหน่วยความจำภาพนอกไว้อีกด้วย
นอกจากตัวเครื่องของกล้องแล้ว ยังมีตัวเสียบเพื่อเชื่อมสัญญาณต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโอนถ่าย ข้อมูลผ่าน USB , ช่อง HDMI , ช่อง AV-Out และ ช่อง AC สำหรับนำเข้ากระแสไฟเพื่อทำการชาร์ท
รายละเอียดและคุณสมบัติของ Sony Cyber Shot T900
ถ้าหากเป็นไปได้พวกเราทุกคนนั้นอยากจะพกกล้องถ่ายภาพติดตัวไปด้วยทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่คุณกำลังมีความสุขกับการดำน้ำชมปะการังน้ำตื้นหรือ เล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์อย่างสนุกสุดเหวี่ยงกับเพื่อนๆ ของคุณ
การใช้กล้อง DSLR ที่มีขนาดใหญ่และมีราคาแพงมาถ่ายภาพในลักษณะนี้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรแม้แต่ จะคิด นอกเสียจากคุณจะลงทุนซื้อเฮ้าซิ่งกันน้ำเฉพาะกิจสำหรับกล้อง DSLR ที่ไม่เพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่ยักษ์และหนักอีกทั้งยังมีราคาโหดร้ายต่อกระเป๋า สตางค์ของคุณ ซึ่งเหมาะกับงานถ่ายภาพใต้น้ำที่จริงจังมากกว่าจะแบกไปไหนมาไหนเพื่อทำการ ถ่ายภาพทั่วๆ ไป ส่วนกล้องดิจิทัลแบบคอมแพ็คท์บางรุ่น ถึงแม้ว่าจะมีเฮ้าซิ่งกันน้ำจำหน่ายเป็นออปชั่นเสริมก็มีราคาเกือบจะเท่ากับ กล้องตัวใหม่อีกหนึ่งตัว และยังไม่สามารถนำเอาไปใช้กับกล้องตัวอื่นๆ ได้ นอกจาก เฉพาะรุ่นที่ถูกออกแบบมา รวมถึงมีขนาดอ้วนใหญ่ ยากแก่การพกพา อีกทั้งยังต้องเสียเวลาไปกับการบรรจุเข้าและแกะเอาออกเฮ้าซิ่งออกทุกครั้ง ที่ต้องการใช้งานตามปกติ
ซึ่งแนวคิดในเรื่องกล้องถ่ายภาพกันน้ำแบบพกพาที่สามารถกันน้ำได้อย่างแท้ จริง (Water Proof) นั่นก็เห็นจะมีเพียงแต่บริษัท Olympus เท่านั้นที่บุกตลาดเป็นเจ้าแรกจนกลายมาเป็นผู้ครองตลาดกล้องประเภทนี้แบบไร้ คู่แข่งมาโดยตลอดแต่ในวันนี้ผู้ใช้กำลังจะมีทางเลือกเพิ่มขึ้นจากการที่ ทางบริษัท Pentax ได้ทำการเปิดตัวกล้องคอมแพ็คท์ Optio W60 รูปทรงเพียวบางขนาดเล็กกะทัดรัดที่ถ่ายภาพใต้น้ำได้ทันทีทุกที่ทุกเวลาโดย ไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมใด พร้อมเลนส์ซูมมุมกว้างขนาด 5X และยังสามารถถ่ายวีดีโอความละเอียดสูงในแบบมุมกว้าง 16:9 ได้ด้วย
กล้อง Optio W60 ได้รับการออกแบบมาอย่างยอดเยี่ยมด้วยรูปทรงของตัวกล้องที่ดูไม่ต่างไป จากกล้องคอมแพ็คท์แบบพกพาทั่วไป โดยมีเลนส์ซูมมุมกว้างขนาด 5x (เทียบเท่า 28-140) ถูกติดตั้งไว้ภายในตัวกล้อง โดยมีกรอบกระจกกันน้ำแผ่นเรียบปิดเอาไว้ทางด้านหน้า ซึ่งได้รับการเคลือบผิวป้องกันแสงสะท้อนและคราบน้ำเกาะในขณะใช้งานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าหากมีหยดน้ำเกาะติดอยู่ก็เพียงใช้ปากเป่าแรงๆ ก็จะสามารถกำจัดคราบน้ำออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาใช้นิ้วปาดน้ำออก หรือใช้ผ้าแห้งเช็ด ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าหากคุณกำลังถ่ายภาพปะการังน้ำตื้นด้วยตัวทีเปียกโชกพร้อมหน้ากากและตีนกบ ครบชุด
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่กล้อง Optio W60 จะสร้างความแตกตื่นให้กับผู้คนรอบข้างทุกครั้งที่คุณถือมันลงไปทำการถ่ายภาพ ใต้น้ำ เนื่องจากไม่ว่าคุณจะมองในมุมไหนก็ยากที่จะดูออกว่านี่เป็นกล้องถ่ายภาพกัน น้ำตามมาตรฐานอุปกรณ์กันน้ำของ JIS Water Proof เกรด 8 และ GIS Dust Proof เกรด 5 (IP58) ซึ่งหมายความว่ากล้อง Optio W60 สามารถทำการถ่ายภาพใต้น้ำในความลึกระดับ 4 เมตรอย่างต่อเนื่องได้นานสองชั่วโมง อีกทั้งยังไม่กลัวฝุ่นแล้วความชื้นซึ่งเมื่อพลิกดูด้านล่างของตัวกล้องจะพบ กับช่องเก็บแบตเตอรี่ การ์ดเมมโมรี่และช่องเชื่อมต่อที่ถูกรวมเอาไว้อย่างลงตัวโดยมีฝาปิดขนาดใหญ่ พร้อมสลักล็อกขนาดจิ๋วที่ทำหน้าที่ล็อกฝาปิดไม่ให้เลื่อนออกอย่างไม่ตั้งใจ โดยมีซีลยางกันน้ำสีดำเนื้อนุ่มที่เมื่อทำการล็อกฝาอย่างถูกต้องแล้วจะ สามารถกันน้ำได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตามผู้ใช้จะต้องระมัดระวังและตรวจสอบความสะอาดของซีลยางนี้ทุก ครั้งที่เปิดและปิดฝาเพื่อทำการเปลี่ยนการ์ดหรือแบตเตอรี่เพื่อให้แน่ใจว่า ปราศจากเศษฝุ่นผงและเม็ดทรายติดอยู่
กล้อง W60 ให้ภาพที่คมชัดด้วยความละเอียดขนาด 10 ล้านพิกเซลพร้อมโหมดถ่ายภาพแบบอัติโนมัติที่ง่ายต่อการใช้งานตั้งแต่ โหมดถ่ายภาพแบบอัติโนมัติ(Auto Picture Mode)ที่กล้องจะทำการวิเคราะห์แล้วเลือกโหมดถ่ายภาพที่เหมาะสมให้ทันที สิ่งที่คุณต้องทำก็คือกดปุ่มชัตเตอร์เพื่อปรับโฟกัสให้ถูกต้องเท่านั้น โหมดโปรแกรมที่ยอมให้คุณปรับค่าบางอย่างได้ตามต้องการ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโหมดเบสิก (Green Mode) ที่เพียงคุณกดปุ่มGreen ที่ด้านหลังของกล้อง ค่าต่างๆ ที่ตั้งไว้เป็นค่ามาตรฐานจะถูกนำมาใช้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการตั้งค่า ต่างๆ ของกล้องนอกจากนี้ยังมีโหมดซีลต่างๆ ให้เลือกใช้ อาทิ โหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมดถ่ายภาพใต้น้ำ(ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ)
ในการใช้งานจริงกล้อง Optio W60 ทำงานได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการใช้งานโดยมีปุ่มเปิดปิดที่มีไฟแสดงสถานะ สีเขียวสว่างสดใสซึ่งมีประโยชน์มากในการแสดงว่ากล้องกำลังเปิดใช้งานอยู่ อีกจุดหนึ่งที่ต้องกล่าวถึงก็คือโหมดวีดีโอแบบ HD (ความละเอียด 1280x720 พิกเซลที่ 15 fps) ที่ให้ภาพมุมกว้างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า อัตราส่วน 16:9 ซึ่งให้คุณภาพไฟล์ที่ดูดี แต่ถ้าต้องการเฟรมภาพความเร็วสูงขึ้นระดับ 30 fph ก็ต้องแลกกับความละเอียดที่ลดลงเหลือ 640x480 ที่อาจจะเล็กไปบ้างถ้าหากต้องการนำมาตัดต่อหรือชมภาพบนจอ HDTV ขนาดใหญ่
กล้องคอมแพ็คท์ Optio W60 จึงเป็นกล้องกันน้ำที่มีความ โดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งทำให้คุณสามารถพกติดตัวไปด้วยได้ตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะนำไปใช้ถ่ายภาพในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่โรงแรมหรูหรือในขณะ แหวกว่ายกลางสายน้ำในวันพักผ่อนสบายๆ ได้อย่างสนุกสนานจนทุกคนต้องอิจฉา ทำให้นี่เป็นกล้องในฝันสำหรับการท่องเที่ยวที่ยากจะปฏิเสธได้
ครอบคลุมทุกการใช้งาน
เลนส์ซูมขนาด 5x (เทียบเท่า 28-140 มม.) ของกล้อง Optio W60 มีช่วงความยาวโฟกัสที่ครอบคลุมการใช้งานได้กำลังดี ตั้งแต่ภาพิทวทัศน์มุมกว้างไปจนถึงภาพบุคคลแบบระยะใกล้พร้อมกับความคมชัดใน ระดับที่คุณสามารถคาดหวังได้เช่นเดียวกับกล้องคอมแพ็คท์แบบพกพารุ่นอื่นๆ ที่ไม่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้
ความคมชัดของภาพ
ระบบโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง W60 มีการทำงานที่ฉับไวแม่นยำ และยังคาดเดาได้ค่อนข้างง่ายทำให้การถ่ายภาพตัวแบบในระยะใกล้สามารถทำได้ อย่างน่าประทับใจดังเช่นในภาพนี้
การเปิดรับแสง
ระบบวัดแสงของกล้อง W60 ให้ค่าแสงที่ถูกต้องได้ในแทบทุกสภาพแสงไม่ว่าจะเป็นภาพทิวทัศน์กลางแจ้ง หรือ ภาพตัวแบบที่มีฉากหลังมืดโดยมีตัวแบบที่สว่าง ภาพที่ได้ก็ยังคงมีการเปิดรับแสงที่ถูกต้องสวยงาม
ภาพถ่ายกลางแจ้ง
ระบบไวท์บาลานซ์อัตโนมัติของกล้อง W60 ให้ภาพถ่ายมีสีสันที่ดูดีอบอุ่นไม่ซีดจาง อีกทั้งยังดูสมจริงเป็นธรรมชาติ แม้ตัวแบบในภาพจะมีโทนสีที่ค่อนข้างมืดก็ตาม
ภาพถ่ายในร่ม
เซ็นเซอร์ภาพความละเอียด 10 ล้านพิกเซลของ W60 ให้ภาพถ่ายที่มีรายละเอียด และโทนภาพดูสบายตาแต่บางครั้งอาจจะเกิด Noise เกิดขึ้นให้เห็นเมื่อใช้ค่าความไวแสงสูงๆ ดังนั้นจึงควรเลือกตั้งค่า ISO ให้ต่ำที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหานี้
บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด แนะนำกล้อง IXUS 100 IS ที่มาพร้อมกับดีไซน์โฉบเฉี่ยว ด้วยความบางเพียง 18 มม. เก็บทุกรายละเอียดคมชัดด้วยความละเอียด 12.1 ล้านพิกเซล พร้อมชิปประมวลผล DIGIC4 ออพติคอลซูม 3 เท่า จอแอลซีดีความละเอียดสูง 2.5 นิ้ว มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Smart Auto Shooting Mode ที่สามารถถ่ายภาพคมชัดในทุกสภาวะแสง ฟังก์ชั่น Blink Detection ค้นหาบุคคลที่หลับตาขณะถ่ายภาพ บันทึกวิดีโอความละเอียดสูงแบบ HDMI รวมถึงพัฒนาให้ Auto ISO มีความแม่นยำมากขึ้น มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเงิน สีทอง สีแดง และสีดำ สนใจหาซื้อ IXUS 100 IS ได้แล้ววันนี้ ที่ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์แคนนอนทุกแห่ง ในราคา 10,990 บาท
SAMSUNG WB 500 24mm ULTRA WIDE
สวัสดีปีใหม่แบบไทย ๆ นะครับพี่น้องชาว TechXcite ทุกท่าน หลังจากที่เราได้พักผ่อนกับวันหยุดที่แสนสุข(รึป่าวหว่า...) กับเทศกาลปีใหม่แบบไทย ๆ ที่ผ่านมาไปแล้ว วันนี้ผมมีกล้อง Digital มาแนะนำให้พี่น้องได้ชมกันดู กับกล้อง Digital Compact ที่มีเลนส์กว้างสุด ๆ ถึง 24mm.(กว้าง....สุดสู๊ด!!!!)
เมื่อเทียบกับ Digital Compact โดยทั่วไปนั้นยังใช้หน้าเลนส์เพียง 28mm. เท่านั้น ทำให้เราสามารถเก็บภาพในมุมกว้างได้อย่างสบาย ๆ ไม่ต้องถอยห่างจากแบบให้เสียเวลาและแน่นอนความพิเศษยังไม่หมดเพียงเท่านี้ นอกจากความกว้างของเลนส์จากตัวกล้องแล้ว ช่วงซูมก็ไม่น้อยหน้า โดยระบบ Optical Zoome นั้นมีความยาวถึง 10X ถือว่าไกลมากถ้าเทียบกับตระกูล Digital Compact ด้วยกัน
Body&Design
ด้านหน้าจะสังเกตได้ว่าตัวเลนส์นั้นมีขนาดที่ใหญ่มาก แน่นอนครับว่าสำหรับ Samsung เป็นกล้องที่มีคุณภาพที่ดีโดยเนื้อเลนส์ผลิตจาก Schneider จากประเทศเยอรมันนี ทำให้ภาพที่ออกมาเกิดความคมชัดและใส อย่างแทบไม่มีที่ติ โดยมีขนาดหน้าเลนส์กว้างถึง 24mm
ด้านบนเป็นส่วนในการควบคุมการใช้กล้อง โดยด้านขวามือ (จากภาพ) จะมีในส่วนปุ่มหมุนสำหรับเลือกโหมดต่าง ๆ ต่อมาเป็นส่นของปุ่มชัตเตอร์ (ปุ่มสีน้ำเงิน) และในจุดเดียวกันเป็นกะรเดื่องไว้ซูมโดยสามรถเลื่อนไปด้านซ้าย (W:มุมกว้าง) ด้านขวา (T:มุมไกล) ต่อไปเป็นส่วนของปุ่มเปิดตัวกล้อง และลำโพง (สำหรับเปิดเล่นใน MODE เล่น VDO และ เสียง)
ด้านหลังของเครื่องจะเป็นในส่วนของการปรับแต่งแล่ะแสดงผล โดยด้านซ้ายมือของตัวกล้อง จะเป็นหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่สุด ๆ ถึง 2.7 นิ้ว มาทางด้านขวาจะป็นส่วนของการตั้งค่าในการถ่ายต่าง ๆ โดยส่วนควบคุมต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้
รายละเอียดของ Samsung WB500
Tripod หรือ ที่เราเรียกติดปากกันว่า"ขาตั้ง"เป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นชนิดที่เรียกว่า แทบจะขาดกันไม่ได้เลย โดยเฉพาะผู้ที่นิยมชมชอบกับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรือการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย การเลือกขาตั้งที่เหมาะสมนั้น นอกจากจะต้องเลือกขนาดให้เหมาะสมกับความสูงของผู้ใช้แล้ว ยังต้องคำนึงถึงความแข็งแรงและน้ำหนักที่เหมาะสมกับการใช้งานอีกด้วย
บ่อยครั้งที่เราอยากได้ขาตั้งที่ขนาดใหญ่และแข็งแรง แต่เราก็มักจะยอมแพ้เมื่อพูดกันถึงเรื่องน้ำหนัก โดยเฉพาะหากต้องแบกเดินป่ากันไกลๆ ขึ้นเขาชันๆ หลายคนก็อาจจะออกอาการยอมแพ้เอาง่ายๆ พอเลือกขาตั้งที่มีน้ำหนักเบาก็มักจะมีปัญหาเรื่องความแข็งแรงหรือขาดความ มั่นคง จึงดูเป็นเรื่องสวนทางกันบ่อยๆเพราะขาตั้งที่แข็งแรงมักจะหนักจนเกินงาม
อันที่จริงแล้วความแข็งแรงและมั่นคงของขาตั้งนั้น จะมีปัจจัยสำคัญที่มาเกี่ยวข้องด้วยก็คือ ลักษณะการออกแบบ และ การเลือกใช้วัสดุ ในปัจจุบันเราคงจะไม่เห็นขาตั้งที่ใช้วัสดุจำพวกเหล็กกล้ากันแล้วนะครับ แต่เราจะพบขาตั้งที่ผลิตจากวัสดุจำพวกอลูมินั่มอัลลอย (aluminum alloy) หรือ บางครั้งอาจจะมีการเจือแมกนีเซียม(magnesium)เข้าไป เพื่อลดน้ำหนัก แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแรงเช่นเดิม นอกจากวัสดุจำพวกโลหะแล้ว อโลหะก็สามารถนำมาใช้เป็นวัสดุในการผลิตได้เช่นกัน
ในบรรดาวัสดุจำพวกอโลหะนั้น คาร์บอนไฟเบอร์(carbon fiber)ก็จัดเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในวงการอุตสาหกรรมหลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์กีฬา เช่น ก้านไม้กอล์ฟ , ท่อของจักรยานเสือภูเขาและเสือหมอบ รวมไปถึงอุปกรณ์และเครื่องมือเครื่องใช้อีกหลายๆอย่าง แม้แต่ในรถแข่งก็ยังมีการเลือกใช้วัสดุชนิดนี้
ซัมซุงปฏิรูปวงการกล้องดิจิตอลด้วย “ซัมซุง NV100HD”
Samsung TL320 และ HZ15W 12 Mega Pixel
“ซันโย” เปิดเกมรุกรับปีฉลู ส่งกล้องวิดีโอแบบพกพา ตระกูล “Xacti” ลงตลาด 6 รุ่นรวด มั่นใจกระตุ้นยอดปี 2552 เพิ่ม โชว์ระบบ Dual Camera บึนทึกวิดีโอพร้อมภาพนิ่งต่อเนื่องไม่มีสะดุด ดีไซน์เล็กกะทัดรัด คมชัดด้วยไฮเดฟฟินิชั่น คุณภาพแบบมืออาชีพ
ซันโยวางแผนที่จะรุกตลาดกล้องวิดีโอแบบพกพาในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กล้องในตระกูล Xacti ภายใต้แบรนด์ซันโยที่ผ่านการพัฒนา และออกแบบขึ้นเอง พร้อมกันถึง 6 รุ่น ได้แก่ รุ่น VPC–WH1, VPC-FH1, VPC-HD2000, VPC-CG10, VPC-CA9, VPC-TH1 และนับเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวในวันเดียวกันถึง 8 เมืองใหญ่ ใน 7 ประเทศ ทั่วโลก คือ ญี่ปุ่น (โตเกียว และโอซาก้า) ดูไบ อังกฤษ เยอรมนี สหรัฐอเมริกา แคนาดา และประเทศไทย เพื่อแสดงถึงศักยภาพการก้าวเป็นผู้นำในตลาดกล้องวิดีโอแบบพกพาขนาดเล็ก ที่ชูจุดขายด้วยความเป็นกล้องแบบ Dual Camera ที่ให้ความคุ้ม ค่าต่อผู้ใช้งานสามารถบันทึกภาพเคลื่อนไหว และภาพนิ่งได้ในเวลาเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ใช้สามารถเก็บภาพความประทับใจได้ทุกช่วงเวลา นอกเหนือจากความเป็นกล้องแบบ Dual Camera แล้ว Xacti ทั้ง 6 รุ่น ยังได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยนำจุดเด่นจากซันโยในฐานะผู้นำเบอร์หนึ่งของตลาดแบตเตอรี่ eneloop ระดับโลกมาใช้ ทำให้กล้องสามารถทำงานได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 3 ชั่วโมง 20 นาที (เฉพาะรุ่น VPC–WH1, VPC-TH1) ยิ่งไปกว่านั้น กล้องในรุ่น VPC-FH1 และ VPC-HD2000 ยังให้ระดับการซูมภาพแบบ 16x Advance zoom พบกับสุดยอดนวัตกรรมกล้องวิดีโอพกพาในตระกูล Xacti 6 รุ่น ล่าสุด จากซันโยซึ่งจะเริ่มนำเข้ามาให้ได้สัมผัสจริงในช่วงเดือนมีนาคมนี้ ณ ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายและห้างสรรพสินค้าทั่วไป
เราเคยทำการรีวิวกล้อง G9 ซึ่งเป็นรุ่นก่อนของกล้องตัวนี้ไว้เมื่อราวปีที่แล้ว ซึ่งก็หมายความว่า G10 นั้นใช้เวลาในการพัฒนาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี แต่กระนั้นเจ้ากล้องตัวใหม่นี้ก็ดูจะไม่แตกต่างจากตัวเก่า สักเท่าใด
ข้อแตกต่างสำคัญที่เราคิดว่าควรจะต้องพูดถึงคงหนีไม่พ้นเรื่องของ เซ็นเซอร์ที่มีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็น 14.7 ล้านพิกเซลแทน 12 ล้านพิกเซลใน G9 ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ ไม่ได้ถูกเพิ่มขึ้นมากมายนัก นอกจากนั้นความหนาแน่นที่เพิ่มขึ้นของจำนวนพิกเซลบนพื้นที่เซ็นเซอร์ที่เท่า เดิมนั้นก็ มักจะทำให้เกิดปัญหาของสัญญาณรบกวน (และการกำจัดสัญญาณรบกวน) ตามมาอย่างที่เราเห็นมาเป็นส่วนใหญ่
แต่การปรับเปลี่ยนที่เห็นจะมีประโยชน์มากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนจากเลนส์ซูม 6x (เทียบเท่า 35-210 มม.) มาเป็นช่วงสั้นกว่าเดิมที่ 28-140 มม. แน่นอนว่าระยะซูม ลดลงจาก 6x เหลือ 5x แต่คุณจะได้ช่วงมุมกว้างขนาด 28 มม. มาแทน
ด้านบนตัวกล้องก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน G9 นั้นมีปุ่มปรับค่า ISO ที่ด้านซ้าย แต่ G10 ตัวใหม่นั้นย้ายมาอยู่ใต้ปุ่มปรับโหมดทางขวามือ ส่วนทางซ้ายมือนั้นกลายเป็นปุ่มปรับชดเชยแสงแทนซึ่งเหมาะแก่การใช้งานมาก เพราะการที่เราสามารถปรับค่า ISO และค่าชดเชยแสงได้ทันทีโดยไม่ต้องเข้าไปในเมนูนั้นเป็นสิ่งที่ยอดมาก
ถ่ายเป็น RAW?
มีอีกสองอย่างที่ควรกล่าวถึง อย่างแรกก็คือโหมดถ่ายเป็นไฟล์ RAW ซึ่ง G10 ไม่เพียงแต่ถ่ายเป็น RAW ได้เท่านั้นแต่การถ่ายและบันทึกข้อมูลยังทำได้รวดเร็วไม่แพ้กล้อง DSLR เลยทีเดียว กล้องคอมแพคท์ส่วนใหญ่จะมีโหมดถ่ายแบบ RAW หรือถ้าทำได้ก็ต้องใช้เวลาประมวลผลนานหลายวินาทีจนไม่เหมาะกับการใช้งาน สิ่งที่ได้รับการปรับปรุงอีกอย่างก็คือจอ LCD ที่มีขนาด 3 นิ้วเท่ากับ G9 แต่ความ ละเอียดจอนั้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวเป็น 461,000 พิกเซล มันชัดเจน สดใส ให้สีที่อิ่ม และครอบคลุมมุมมองที่กว้าง
อันที่จริงจอ LCD ใหม่นี้ดีเกินไปเสียด้วยซ้ำเพราะเมื่อคุณถ่ายด้วย G10 แล้วกดเปิดดูจะพบภาพที่เต็มไปด้วยสีสันและมิติ แต่พอเอาไฟล์ภาพเหล่านั้นไปเปิดบนจอคอมพิวเตอร์ปรากฏว่ามันก็ดูปกติธรรมดา อาจจะเป็นเพราะจอของ G10 นั้นเพิ่มความสดของสีและคอนทราสต์ของภาพ และอาจทำให้เราดูไม่ออกว่าที่จริงแล้วภาพนั้นเป็นภาพที่สวยจริงๆ หรือเป็นเพราะจอที่ดีทำให้มันดูสวยเกินจริงกันแน่ ภาพที่เราทดลองถ่ายหลายภาพก็ออกมาสวยเกินจริงบนจอของกล้องเช่นกัน ค่าคอนทราสต์และความอิ่มของสีที่กล้องตั้งไว้เป็นค่ามาตรฐานนั้นค่อนข้างจะ เรียบๆ ซึ่งก็ไม่น่ากังวลถ้าคุณเป็นคนชอบแต่งภาพและนำภาพเหล่านั้นไปปรับแต่งให้โดด เด่นกว่าเดิมในแบบที่คุณต้องการ แต่ถ้าคุณชอบแบบถ่ายแล้วใช้งานได้เลยก็ไม่น่ามีปัญหาจากคุณภาพของภาพในระดับ ที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว
โทนสีผิว สีของร่มที่สดใสฉูดฉาดในภาพนี้ ไม่ทำให้ระบบออโต้ไวท์บาลานซ์ของ G10 หลงกลแต่อย่างใด
ภาพถ่ายในอาคาร ระบบป้องกันภาพสั่นไหวของ G10 นั้นทำงานได้ ดีเยี่ยม แม้จะถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ต่ำภายใต้แสงน้อยก็ยังออกมาดี และแน่นอนว่าดีกว่าถ่ายด้วยค่า ISO สูงๆ
ภาพถ่ายกลางแจ้ง จอ LCD ขนาด 3 นิ้วนั้นเกือบจะดีเกินไป เพราะแสดงภาพด้วย คอนทราสต์และสีสันที่อิ่มเกินจริง
และคุณก็ไม่ควรคาดหวังให้มากเกินไปว่าจำนวนพิกเซลที่เพิ่มขึ้นจะสร้าง ความแตกต่างในรายละเอียดของภาพ ได้อย่างชัดเจน ปัจจุบันนี้เราได้ก้าวข้ามจุดที่จำนวนพิกเซลจะเป็นตัววัดความละเอียดไปแล้ว ขนาดของเซ็นเซอร์ต่างหากที่สำคัญกว่า และขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.7 นิ้วของ G10 ก็ยังเล็กกว่าเซ็นเซอร์กล้อง DSLR หลายเท่า จะเห็นได้ชัดเจนในส่วนของรายละเอียดขนาดเล็กบนพื้นผิวและคุณภาพของรูปที่ลด ลงเมื่อถ่ายด้วยค่า ISO สูงๆ ถึงกระนั้น G10 ก็เป็นกล้องที่ดีแต่ก็มีข้อจำกัดในตัวเอง ถ้าคุณกำลังมองหากล้องคุณภาพเยี่ยมที่เล็กพอจะจับใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกง ได้แล้วล่ะก็ กล้องตัวนี้เป็นอีกตัวที่ดีที่สุดในท้องตลาดขณะนี้ แม้คุณภาพของรูปที่ออกมาจะไม่ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการ แต่ G10 ก็เป็นกล้องที่แข็งแรง สวยงาม ใช้งานสนุก ผู้ผลิตรายอื่นอาจจะมีจุดแข็งเรื่องของคุณภาพรูปถ่ายแต่ Canon รู้ว่าการผลิตกล้องถ่ายรูปที่ดีนั้นต้องทำอย่างไร
สีสัน
G10 ให้สีที่ค่อนข้างเรียบ ไม่ฉูดฉาด อาจทำให้บางคนรู้สึกว่าจืดเกินไป แต่อย่างไรคุณก็สามารถเลือกถ่าย ด้วยโหมดสีแบบ Vivid เพื่อเพิ่มค่า
คอนทราสต์และความเข้มของสีสันได้
รายละเอียด
รายละเอียดของภาพที่ได้จาก G10 นั้นครบถ้วนสวยงาม โดยเฉพาะถ้าคุณถ่ายด้วยค่า ISO ต่ำ ภาพที่ได้จะดูดีมาก
สัญญาณรบกวน
ภาพที่ถ่ายด้วย ISO 80 นั้นไร้สัญญาณรบกวน แต่แค่เพิ่มเป็น ISO 100-200 ก็จะเริ่มเกิดร่องรอยของสัญญาณรบกวนขึ้นให้เห็น
The Ratings
คุณสมบัติเด่น *****
เลนส์ซูมมุมกว้าง 5 เท่า ระบบกันสั่นแบบ 4 – สต็อป ความละเอียดสูง และมีโหมดถ่าย RAW
สมรรถภาพ ****
เซ็นเซอร์ขนาดเล็กคือข้อจำกัดของรายละเอียดภาพและการถ่ายด้วยค่า ISO สูงๆ แต่ก็ยังจัดว่าให้ภาพที่ดี
การใช้งาน *****
ปุ่มปรับชดเชยแสง ปุ่มปรับโหมดสองชั้น และปุ่มปรับค่า ISO ที่เพิ่มเข้ามานั้นทำให้การทำงานเป็นไปอย่างลื่นไหล นี่คือสิ่งที่เราอยากเห็นในกล้องถ่ายรูป
คุณภาพการผลิต *****
G10 ให้ความรู้สึกเหมือนมันทำด้วยเหล็ก ยกเว้นแต่ปุ่มปรับที่แผงหลังที่รู้สึกเบามือไปเล็กน้อย
ความคุ้มค่าเงิน ***
คุณสมบัติและปุ่มปรับที่หลากหลายคือเหตุผลที่มันมีราคาค่อนข้างสูงเพราะด้วยราคานี้คุณสามารถหาซื้อกล้อง DSLR บางรุ่นได้เลย
คำตัดสินของ Digital Camera
88%
เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.7-นิ้วคือข้อจำกัดของมันโดยเฉพาะการถ่ายด้วยค่า ISO สูงๆ และการเพิ่มจำนวนพิกเซลเป็น 14.7 ล้านก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่กล้องในตระกูล G ของ Canon PowerShot นั้นไม่เคยสร้างความผิดหวังในเรื่องการออกแบบหรือการใช้งาน กล้อง G10 ก็เป็นกล้องที่ยอดเยี่ยมเช่นกันโดยเฉพาะการ มีเลนส์ซุมมุมกว้าง
คู่แข่ง
Panasonic Lumix LX3 399 ปอนด์
LX3 นั้นมีขนาดเล็กกว่า G10 แต่เลนส์ของมันก็มีข้อจำกัดใน
ช่วงเทเลโฟโต้ 87%
Ricoh GX200 320 ปอนด์
GX200 ทำงานได้เหมือนกล้อง DSLR แต่มีขนาดใหญ่กว่ากล้องคอมแพคท์แบบบางเพียงเล็กน้อย 90%
Canon Digital IXUS 980 IS
Canon IXUS 980IS หรือที่หลายคนเรียกกันว่า กล้องพอลล่า อันเนื่องมากจาก Canon ใช้น้องพอลล่า เป็นพรีเซนต์เตอร์นั่นเอง กล้องตัวนี้เป็นกล้องรุ่นใหม่ในตระกูล IXUS ที่ทำให้คนที่ห่างหายจากกล้อง Digital Compact ไปนานอย่างผม สัมผัสได้ถึงประสิทธิภาพที่เจ๋ง และฟังก์ชันที่เยอะจนใช้ไม่ถูก อย่าเสียเวลาเลยครับมาดูตัวกล้องกันก่อนดีกว่า
Body & Design
ตัวเครื่องเป็นโลหะผสม มีความทนทาน ด้านหน้าตัวเครื่องจะประกอบด้วย ช่องกระบอกเลนน์ Flash
ด้านหลังตัวเครื่อง จะเป็นส่วนของการควบคุมในการถ่ายทั้งหมดโดยจะมีหน้าจอ และปุ่มในการกำหนดค่าถายต่าง ๆ ไว้ด้านหลัง
ด้านบนเป็นในาส่วนของ On-Off ปุ่มชัตเตอร์ และ กระเดื่องซูม
ด้านซ้ายจากหน้าตัวเครื่อง จะเป็นช่องเสียบ USB ไว้ทางด้าน AV/out Digital
ด้านล่างของตัวเครื่องเป็นช่องใส่แบตเตอร์รี่และ SD CARDอยู่ด้วยกัน
Canon IXUS 980IS Specification
